รัฐบาล ปลื้ม ติดอันดับสถานที่ยอดนิยม ถ่ายทำภาพยนต์ในประเทศไทย

รัฐบาล ปลื้ม ติดอันดับสถานที่ยอดนิยม ถ่ายทำภาพยนต์ในประเทศไทย

รัฐบาล ปลื้ม ประเทศไทยติดอันดับสถานที่ยอดนิยม ถ่ายทำภาพยนต์ในประเทศไทย ถ่ายทำไปแล้ว 34 เรื่อง สร้างรายได้เกือบ 300 ล้านบาท นาย อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบและยินดีที่ ประเทศไทยเป็นสถานที่ยอดนิยมที่ต่างประเทศมักเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ ทำให้สถานที่สวยงามของไทยเป็นที่รู้จัก เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ รวมทั้งยังมีส่วนในการกระจายรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว และกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศไปในโอกาสเดียวกันด้วย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า 

จากรายงานของกองกิจการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่างประเทศ กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพบว่า ในปี 2565 มีการถ่ายทำภาพยนต์ต่างประเทศในประเทศไทยถึง 348 เรื่อง โดยเดือนกันยายน และพฤศจิกายน 2565 มีการถ่ายทำสูงสุดที่ 42 เรื่อง ในขณะที่ล่าสุด เดือนมกราคม 2566 มีการถ่ายทำไปแล้วถึง 34 เรื่อง สร้างรายได้ให้ประเทศกว่า 298.11 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2566)

นอกจากนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย ภาครัฐยังได้ให้การสนับสนุนเป็นสิทธิประโยชน์ในรูปแบบการคืนเงิน (Cash Rebate) ตามมติ ครม. (7 ก.พ. 2566) ร้อยละ 20-30 เป็นระยะเวลา 2 ปี สิทธิประโยชน์หลักอยู่ที่ร้อยละ 20 เมื่อมีการลงทุนในประเทศไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท ส่วนสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมรวมแล้วไม่เกินร้อยละ 10

นอกจากนี้ยังมีการปรับเพิ่มการคืนเงินจากเดิม 75 ล้านบาท/เรื่อง เป็น 150 ล้านบาท/เรื่อง จะทำให้เพดานเงินลงทุนสร้างภาพยนต์ต่อเรื่องเพิ่มเป็น 750 ล้านบาท จากเดิม 375 ล้านบาท เพื่อเป็นการรับกับแนวโน้มที่คณะถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศที่เข้ามาในไทยเป็นผู้สร้างรายใหญ่ เงินทุนสูง โดยเฉพาะภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์

ทั้งนี้ ในปี 2565 ที่ผ่านมา จังหวัดสถานที่ถ่ายทำยอดฮิตของกองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต สมุทรปราการ เชียงใหม่ และพังงา โดยรัฐบาลได้ให้การสนับสนุนงบประมาณในการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย รวมถึงในการจ่ายเงินคืนให้ผู้ผลิตภาพยนตร์ต่างชาติ โดยในช่วง 7 ปี (พ.ศ. 2560-2566) มีภาพยนตร์จำนวนกว่า 45 เรื่องที่เข้าร่วมมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย นำรายได้เข้าประเทศเกือบ 9 พันล้านบาท หมุนเวียนเศรษฐกิจในอัตราทวีคูณถึงกว่า 17,000 ล้านบาท

“นายกรัฐมนตรีเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย ซึ่งสะท้อนมาจากความเชื่อมั่นในอดีตที่ผ่านมา ไทยมีศักยภาพของสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ที่มีความหลากหลาย ความสามารถของบุคลากรในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย เสริมภาพลักษณ์ประเทศตามนโยบาย Soft Power ทั้งนี้ รัฐบาลเชื่อมั่นว่า มาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยจะเป็นอีกหนึ่งในมาตรการที่เกิดประโยชน์ต่อประเทศและคุ้มค่า เพราะรายได้ที่ได้รับจะส่งถึงประชาชนในพื้นที่ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำทั่วประเทศ” นายอนุชาฯ กล่าว

‘ประยุทธ์’ ลั่นต่อให้เหลือแต่วิญญาณ ก็จะกลับมาดู ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

ประยุทธ์ ลั่นต่อให้แก่กว่านี้หรือเหลือแต่วิญญาณ ก็จะกลับมาดู ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หวังเยาวชนสานต่อ แนะเด็กใช้กูเกิ้ลเสริมความรู้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวระหว่างปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “การเป็นยุวทูตคุณธรรมขับเคลื่อนกิจกรรมในการพัฒนาสังคมไทยและสังคมโลก” ภายในกระทรวงการต่างประเทศ

ในช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า แม้ตนเองจะเป็นผู้สูงอายุ หรือ ที่เรียกว่า “คนแก่” แต่ก็รู้จักปรับตัว ทำงานนาน หลายคนอาจไม่ชอบหน้า แต่ก็ตั้งใจจะทำให้ประเทศเดินต่อไปอย่างมั่นคง ย้ำไม่สนใจว่าใครจะรักหรือไม่รักตนเอง แต่อยากให้รักประเทศ แล้วทุกสิ่งที่ทำให้ประเทศก็คาดหวังให้เกิดประโยชน์กับคนรุ่นต่อไป คาดหวังจะได้เห็นสิ่งเหล่านี้

จึงอยากทำความเข้าใจตรงนี้ เราต้องพัฒนาไปด้วยกัน โดยมียุทธศาสตร์ชาติ ที่เขียน 20 ปี ไม่ใช่จะอยู่ 20 ปี แต่เวลา 20 ปีเป็นสิ่งที่เราควรต้องทำ ให้รัฐบาลต่อไปทำต่อ ถ้าเขาเห็นว่าไม่ดีก็ให้ปรับเปลี่ยน

“ที่พูดมาทั้งหมด คาดหวังว่าถ้าลุงแก่กว่านี้ หรือลุงตายไปแล้ว ลุงจะกลับมาดู ไม่รู้เป็นวิญญาณจะกลับมาได้หรือไม่ เพราะพวกสายมู หมอดู หมอเดาเยอะไปหมด ก็ไม่เป็นไร นี่คือไทยๆ ฉะนั้น ต้องกลับมาดูของเรา นี่คือเยาวชนของชาติที่เป็นอนาคตและต้องการคนดี คือทำเพื่อคนอื่นและทำเพื่อเขาด้วย ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนอยู่ภายใต้กฎหมายที่เป็นธรรม มันเหมือนกันทุกคน ถ้าไม่ทำผิดก็ไม่โดนลงโทษ หากเราไม่เคารพกฎหมาย มันก็ตีกันหมด กฎหมายที่มี นี่คือความเท่าเทียมกัน ถ้าผิด ไม่ผิด ก็ไปสู้กันตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่เกลียดใคร ไม่ชอบใคร มันไม่ใช่ มันอยู่ที่ส่วนประกอบหลายอย่าง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวท่ามกลางเสียงหัวเราะของผู้ร่วมงาน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า หลายอย่างที่ทำ คนมักไม่ค่อยรับรู้ จึงแนะนำว่า ก่อนจะตำหนิหรือต่อว่าส่วนราชการ อยากให้ลองค้นหาด้วย Google ก่อน เพราะนายกรัฐมนตรี ใช้อยู่เป็นประจำ และมักจะพบในสิ่งที่ต้องการอยู่เสมอ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับส่วนราชการ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าไปดู

สำหรับซอฟพาวเวอร์สำคัญอย่างมวยไทย นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ของเราสุดยอดอยู่แล้ว ไม่ต้องไปทะเลาะกับใคร

เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> ufabet เว็บตรง